เมษายน 26, 2024
UFABETWIN ชีวิตซูโม่หลังเกษียณ ความจริงอันโหดร้ายของกีฬาประจำชาติญี่ปุ่น

UFABETWIN ชีวิตซูโม่หลังเกษียณ ความจริงอันโหดร้ายของกีฬาประจำชาติญี่ปุ่น

UFABETWIN  ซูโม่ นอกจากจะเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นรองจาก เบสบอล

UFABETWIN หากเอ่ยถึง มันยังเป็นกีฬาศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอาทิตย์อุทัยให้การยกย่องในฐานะ “กีฬาแห่งชาติ” ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นักซูโม่หลายคนมีชื่อเสียงโด่งดังและมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ทั้งจากการแข่งขันและสปอนเซอร์ จนไม่ต่างจากนักแสดงบนหน้าจอโทรทัศน์

อย่างไรก็ดี ชีวิตหลังเลิกเล่นของพวกเขากลับตรงข้าม เมื่อหลายคนต้องประสบกับความยากลำบากกับการดำรงชีวิตในสังคม แถมยิ่งเลวร้ายไปอีกหากเป็นนักซูโม่ที่ไม่ได้มีชื่อเสียง

จากบันทึกในโคชิคิ บันทึกเก่าแก่ของญี่ปุ่นพบว่า ซูโม่ถูกพูดถึงมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 ในฐานะส่วนหนึ่งของการบวงสรวงเทพเจ้าของชินโตเพื่อให้พืชผลอุดมสมบูรณ์และฉลองการเก็บเกี่ยว ก่อนจะพัฒนามาเป็นกีฬาในสมัยเอโดะ (ค.ศ.1603-1867)

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ซูโม่เป็นกีฬาที่เต็มไปด้วยธรรมเนียมและประเพณีมากมาย และนักซูโม่ก็จำเป็นต้องรักษากฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ทั้งการแต่งตัวที่ต้องสวมชุดยูคาตะตลอดเวลาในที่สาธารณะหรือการไว้ทรงผมแบบ “จนมาเกะ” ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากซามูไร

แถมกว่าจะมาถึงจุดนี้ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหลายคนต้องเข้ามาอยู่ในโรงฝึกตั้งแต่จบมัธยมต้นและต้องผ่านการฝึกฝนที่หนักหน่วงในแต่ละวัน รวมถึงต้องอยู่ในสังคมที่ยึดถือระบบสูงต่ำแบบรุ่นพี่รุ่นน้องที่คนอายุน้อยกว่าต้องดูแลรุ่นพี่ไม่ต่างจากคนรับใช้

แต่ถึงอย่างนั้น หากสามารถขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดของการเป็นนักซูโม่อาชีพหรือที่เรียกว่า “ริคิชิ” ก็จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า ทั้งเงินทอง ชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งสิทธิ์ในการแต่งงาน เนื่องจากปกติแล้ว นักซูโม่อาชีพจะไม่มีสิทธิ์มีแฟนหรือใช้โทรศัพท์ได้ จนกว่าจะขึ้นไปอยู่ใน 2 ดิวิชั่นสูงสุ

UFABETWIN

กีฬาแห่งชาติ  “ซูโม่ ไม่เคยถูกมองว่าเป็นกีฬาในญี่ปุ่น มันลงลึกไปกว่านั้นในจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่น  

มาร์ค บัคตัน ผู้เชี่ยวชาญซูโม่ญี่ปุ่นและอดีตคอลัมนิสต์ ชาย 2 คนรูปร่างท้วมกำลังห้ำหั่นกันบนสังเวียนรูปวงกลม โดยด้านบนมีสิ่งที่คล้ายกับหลังคาแขวนอยู่ อาจจะเป็นภาพที่ดูแปลกตาสำหรับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยชมการแข่งขันกีฬาชนิดนี้มาก่อน แต่สำหรับชาวญี่ปุ่น กีฬาชนิดนี้ที่พวกเขาเรียกว่า ซูโม่ นั้นฝังรากลึกอยู่ในจิตวิญญานมาหลายพันปี

นอกจากนี้ พวกเขายังได้รับการยกย่องจากผู้คนทั่วไปและได้รับการก้มหัวแสดงความเคารพเมื่อออกมาเดินตามท้องถนน เพราะแม้ในปัจจุบัน ซูโม่ยังคงเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น โดยในปี 2021 รั้งอยู่ในอันดับ 2 (27.3%) และเป็นรองเพียงแค่เบสบอล (45.2%) เท่านั้น จากการราย

มันจึงทำให้ซูโม่เป็นกีฬาที่มีสถานะค่อนข้างสูงส่งและได้รับการนับถือจากคนทั่วไป แต่ชีวิตของพวกเขาหลายคนกลับตรงกันข้ามเมื่อตัดสินใจเลิกเล่น ..

เคว้งคว้างกลางสังคม แม้ว่าอาชีพนักซูโม่จะเป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นให้การยกย่อง แต่เมื่อใดที่มันกลายเป็นอดีต สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญคือความยากลำบาก โดยเฉพาะการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

ทาคุยะ ไซโต คือหนึ่งในนั้น เขาตัดสินใจเข้าพิธีตัดมวยผม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเลิกเล่นตอนอายุ 32 ปี และเริ่มหางานทำ ก่อนจะรู้ตัวว่าโลกของซูโม่ทำให้เขาไม่มีประสบการณ์อย่างอื่นอะไรเลยหรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ก็ยังใช้ไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ

เนื่องจากปกติแล้ว นักซูโม่จะเข้ามาอยู่ในโรงฝึกตั้งแต่อายุ 15 ปีหลังเสร็จสิ้นการศึกษาภาคบังคับ ก่อนจะใช้ชีวิตและฝึกฝนในโรงฝึกที่สังกัดไปจนกว่าจะขึ้นไปอยู่ใน 2 ดิวิชั่นสูงสุดที่จะทำให้พวกเขาได้รับอนุญาตให้แต่งงานและมีครอบครัวได้ ไปถึงตอนเลิกเล่นในช่วงอายุราว 30 ปี

สำหรับ ไซโต เขาคิดว่า เขาอยากเป็นคนทำขนมปัง ซึ่งสิ่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนที่ชื่นชอบในวัยเด็ก แต่แม้ว่าเขาจะได้งาน แต่สุดท้ายทำไปได้ไม่นานอย่างที่คิด  “ตอนที่ผมพยายามกับมัน พวกเขาบอกว่าตัวผมใหญ่เกินไปที่จะอยู่ในครัว” ไซโต ที่เคยมีน้ำหนักมากถึง 165 กิโลกรัมสมัยเป็นนักซูโม่

UFABETWIN

ผมไปสัมภาษณ์งานหลายที่ แต่ผมไม่มีประสบการณ์อะไรเลย พวกเขาจึงปฏิเสธผมทั้งหมด

อันที่จริง นักซูโม่ที่สามารถไต่ขึ้นไปอยู่ระดับท็อปสามารถเปิดโรงฝึกของตัวเองได้ แต่ก็มีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่ทำได้ จากรายงาน  ที่ระบุว่ามีนักซูโม่เพียง 7 คนจาก 89 คนที่เลิกเล่นเมื่อปี 2021 ที่ยังคงอยู่ในวงการซูโม่

ในขณะที่นักซูโม่หลายคนเลือกจะเบนเข็มไปสู่อุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากเคยมีประสบการณ์การทำอาหารตอนที่อยู่ในโรงฝึก และส่วนใหญ่มักจะลงเอยกับการเปิดร้าน “จังโกะนาเบะ”หรือหม้อไฟของนักซูโม่  บางคนอาจจะผันตัวไปอยู่ร้านนวด เนื่องจากตอนเล่นอาชีพต้องเผชิญกับความเจ็บปวดทางร่างกายอยู่บ่อยครั้ง หรือบางคนก็อาจจะไปได้ถึงขั้นเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

“เด็กหลายคนเข้ามาสู่โลกของซูโม่ทันทีหลังเรียนจบมัธยมต้น” เคซุเกะ คามิคาวะ อดีตนักซูโม่วัย 44 ปี “มันกลายเป็นเรื่องยากอย่างแน่นอน เพราะว่าพวกเขาฝึกกันโดยไม่ได้คิดถึงอนาคต และการเลิกเล่นในช่วงครึ่งหลังของชีวิตในวัย 20 หรือ 30 ก็ทำให้พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าอยากทำอะไรหรือสามารถทำอะไรได้บ้าง”

อย่างไรก็ดี ปัญหาของพวกเขาก็ไม่ได้มีแค่นั้น .. ดิ้นรนในโลกความจริง  การใช้ชีวิตอยู่แต่ในโรงฝึกและสังคมของนักซูโม่ซึ่งมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดที่แตกต่างจากโลกภายนอก ทำให้โลกของพวกเขาถูกจำกัดอยู่ในวงแคบๆ และขาดภูมิต้านทานเมื่อต้องเผชิญกับโลกความจริง  “สำหรับซูโม่ อาจารย์โรงฝึกจะปกป้องเราเสมอ” ไซโต กล่าว  เขาบอกว่า อันที่จริงอดีตอาจารย์ของเขาเคยเสนอที่พัก อาหาร และเสื้อผ้าให้เขา จนกว่าจะยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง

นอกจากนี้ นักซูโม่ส่วนใหญ่ยังต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงิน หลายคนเลิกเล่นไปโดยมีเงินเก็บเพียงน้อยนิด และบางคนถึงขั้นไม่มีเลย เนื่องจากว่ากว่าที่พวกเขาจะได้รับเงินเดือนก็ต้องไต่ขึ้นไปอยู่ใน 2 ดิวิชั่นสูงสุดให้ได้เสียก่อน ซึ่งคนกลุ่มนี้มีเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดเท่านั้น ส่วนที่อยู่ระดับต่ำกว่านั้นจะไม่ได้รับอะไรเลย ยกเว้นเพียงค่าที่พัก (เวลาไปแข่ง) ค่าเดินทาง และค่าเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ ซึ่งจะจัดทุก 2 เดือนครั้ง

สิ่งนี้แตกต่างจากนักซูโม่ระดับสูงที่นอกจากจะได้รับเงินเดือนแล้ว พวกเขายังมีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเอง และสามารถสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีสัน โดยเฉพาะหากขึ้นไปอยู่ระดับท็อปหรือที่เรียกกันว่า เซคิโทริ  พวกเขาก็จะมีคนรับใช้ที่เป็นนักซูโม่ที่อยู่ในดิวิชั่นต่ำกว่าไว้ช่วยเหลือทุกอย่าง ตั้งแต่ช่วยซ้อม แต่งตัว จัดหาอาหาร ซักผ้า ทำธุระ ไปจนถึงช่วยเช็ดก้นเวลาเข้าห้องน้ำ

อย่างไรก็ดี การขึ้นไปอยู่ในระดับสูงก็ทำให้เซคิโทริมีปัญหาหลังเลิกเล่น โดยเฉพาะการเข้าสังคม เนื่องจากพวกเขาเคยชินกับชีวิตที่สะดวกสบายตอนเป็นนักซูโม่ที่จะมีลูกมือคอยช่วยเหลือ จนกลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่เป็น

UFABETWIN